SUPONG Massage

Medical Software Therapy Theory

the different idea of pain therapy



ยารักษาหรือยาทำลายกันแน่

คำว่า "ยา" เป็นคำกล่าวของผู้ที่เห็นแต่ผลดีตามความต้องการของผู้รักษาโดยเอาผลเสียไปใส่ไว้เป็นคำเตือน แท้จริงถ้าจะถามร่างกายของเรา มันคือ "ยาพิษ" ทั้งนั้น เพราะมีจุดมุ่งหมายเข้าไปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมการทำงานตามปกติของร่างกาย ( Physiological Effect ) ที่ระบบของร่างกายจะต้องต่อสู้กำจัดมันออกไป และการต่อสู้แม้ว่าจะเป็นผู้ชนะก็ย่อมมีความสูญเสีย

ความจริงที่คนเรามักจะละเลยคืออันตรายของยา เรามักจะใช้ยากันโดยเข้าใจผิดว่าเป็นยารักษา แต่ความจริงแล้วเป็นยาทำลาย จะมีสักกี่คนที่ดูฉลากยาและเห็นตัวหนังสือคำว่า "ยาอันตราย" จะมีสักกี่คนที่ อ่านเอกสารกำกับยา ให้ครบถ้วนก่อนกินยา แต่อย่างไรก็ตาม การอ่านเอกสารกำกับยาก็เพื่อจะให้รู้ว่าควรปฏิบัติอย่างไรในการกินยา และอาจเกิดผลเสียอะไรบ้างจากการกินยา เพราะเราก็จะกินยาอยู่ดี ปัญหามันจึงอยู่ที่ว่า การกินยาเป็นวิธีการรักษาที่ถูกต้องหรือไม่ ขอให้ตระหนักไว้ด้วยว่าปัญหาความเจ็บป่วยมักเป็นเฉพาะที่แต่กินยาที่มีผลต่อระบบทั้งร่างกาย

ทั้งๆที่รู้ว่ายาจะไปแก้ปัญหาอย่างหนึ่งโดยการทำลายโปรแกรมการทำงานทั้งระบบ ฉะนั้นต้องพิจารณาความสำคัญของสิ่งที่จะไปแก้กับสิ่งที่จะถูกทำลายก่อน หรือไม่ก็ต้องหาวิธีการรักษาด้วยแนวทางอื่นที่ปลอดภัยกว่า ทำไมจึงมีความดื้อรั้นที่จะใช้ยาเป็นหลักในวิธีการรักษา เป็นเพราะความหลงผิดในแนวความคิดของความเข้าใจชีวิตร่างกายของคนเราอย่างเครื่องจักรธรรมดา ( Medical Hardware Therapy Theory ) ซึ่งประกอบไปด้วยสารชีวเคมีทำปฏิกริยาต่างๆในการทำงาน ความคิดที่จะเอายาที่คิดขึ้นเข้าไปทำปฏิกริยาจัดการทางชีวเคมีเสียเองจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ความปลอดภัยอยู่ที่จะต้องมีการทดลองว่ายานั้นจะไม่เข้าไปทำให้เกิดอาการผิดปกติฟ้องออกมา และความเป็นจริงที่ยังไม่พบว่ามียาตัวไหนจะไม่ทำให้เกิดผลเสียต่อระบบของร่างกายเลย

คำว่า "การอักเสบ ( Inflammation )" เช่น กล้ามเนื้ออักเสบ เอ็นอักเสบ ข้ออักเสบ ปลายประสาทอักเสบ เป็นต้น เป็นคำอธิบายที่แพทย์วินิจฉัยผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บปวดตามร่างกาย แม้ว่าจะตรวจไม่พบการบาดเจ็บหรืออาการบวมแดงร้อน มักให้กินยาแก้อักเสบ ( Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drug ) จะเป็นความเสี่ยงของอันตรายต่อผู้ป่วยโดยไม่จำเป็น "การอักเสบ" เป็นขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการซ่อมแซมของระบบในร่างกายที่จะต้องมีการรื้อหรือกำจัดเซลที่ชำรุดนั้นออกเสียก่อน แล้วจึงจะสร้างเซลใหม่แทนที่ ถ้ากระบวนการกำจัดเซลที่ชำรุดนั้นเกิดมากผิดปกติและไม่เสร็จสิ้นเสียที จะปรากฏอาการปวดบวมแดงร้อน

ยาแก้อักเสบ คือ ยาที่มีจุดประสงค์จะไปหยุดกระบวนการซ่อมแซมเพื่อระงับหรือบรรเทาอาการปวดบวมแดงร้อนที่ปรากฏ ( ยาแก้อาการ ) ไม่ใช่ยารักษาโรคให้หายที่ตรงประเด็น

ผลข้างเคียงของยาไม่ใช่เรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่มันอาจจะเป็นอันตรายใหญ่หลวงกว่าปัญหาอาการปวดบวมแดงร้อนตรงจุดที่จะไปบรรเทา ถ้าร่างกายผู้ป่วยมีปัญหาที่จะต้องซ่อมแซมในที่อื่นๆ เช่น เนื้อเยื่อกระเพาะอาหารและลำไส้ หัวใจ หลอดโลหิตในสมอง เป็นต้น การกินยาแก้อักเสบจึงมีความเสี่ยงต่อการเป็นแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ หัวใจวาย หรือเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตจากเส้นโลหิตในสมองแตก

ยาสะเตียรอยด์แก้อักเสบ ( Steroidal Anti-Inflammatory Drug ) อาจจะรู้สึกได้ผลดีในตอนแรก แต่มันมีผลไปเปลี่ยนแปลงระบบโปรแกรมการทำงานให้ผิดเพี้ยนไป ตัวจะอ้วนใหญ่ กระดูกจะเปราะ เนื้อเยื่อจะเสื่อม ไตจะเสีย

ผู้ป่วยที่กินยาที่มีผลต่อสมองหรือระบบประสาท เช่น ยาแก้ปวด ยาคลายเครียด ยาคลายกล้ามเนื้อ ยานอนหลับ ยาแก้แพ้ ยากันชัก เป็นต้น อาจทำให้ไม่ค่อยตอบสนองต่อการนวดกดจุดหรือการตอบสนองเปลี่ยนแปลงไป


Solunic

Menu